
รองรับความต้องการชิปยุค AI และการสื่อสาร 5G/6G
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2025 — กรุงเทพฯ
Mitsubishi Gas Chemical (มิตซูบิชิ แก๊ส เคมิคัล) ประกาศว่า โรงงานของบริษัทย่อย MGC ELECTROTECHNO (THAILAND) CO., LTD. (ETT) ในจังหวัดระยอง ได้ดำเนินการก่อสร้างไลน์การผลิตใหม่สำหรับวัสดุบรรจุภัณฑ์กึ่งตัวนำชนิด BT Laminate แล้วเสร็จ พร้อมตั้งเป้าเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ใน เดือนธันวาคม 2025
การขยายโรงงานครั้งนี้ช่วยให้ กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า เมื่อเทียบกับเดิม
อุปสงค์พุ่งจากชิป AI และอุปกรณ์ประมวลผลความเร็วสูง
ตามประกาศอย่างเป็นทางการของบริษัท ความต้องการวัสดุ BT Laminate เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นวัสดุสำคัญในแพ็กเกจ FC-BGA และชิปประสิทธิภาพสูงที่ใช้ใน
- ชิปประมวลผลสำหรับ AI และ Generative AI
- เซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง (AI Server / HPC)
- เครือข่ายสื่อสาร 5G / 6G
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ และยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
แนวโน้มดังกล่าวทำให้ Mitsubishi Gas Chemical จำเป็นต้องเพิ่มศักยภาพการผลิต เพื่อรองรับความต้องการระดับโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
ระยอง—ฐานการผลิตเชิงกลยุทธ์ของ Mitsubishi Gas Chemical
โรงงาน ETT ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม WHA Eastern Seaboard จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ในภูมิภาค การขยายกำลังการผลิตช่วยเสริมโครงสร้าง “ฐานการผลิต 2 ประเทศ” ได้แก่
ญี่ปุ่น (จังหวัดฟุกุชิมะ – MGC Electrotechno)
- ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม
- การผลิตแบบหลายรุ่นจำนวนน้อย (High-mix / Low-volume)
- ศูนย์การพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่
ไทย (ระยอง – ETT)
- การผลิตจำนวนมาก (Mass Production)
- ต้นทุนการแข่งขันสูง
- รองรับลูกค้าในเอเชียและทั่วโลก
โครงสร้างนี้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของซัพพลายเชน และลดความเสี่ยงด้าน BCP (Business Continuity Planning)
กำหนดการสำคัญ
- เริ่มก่อสร้าง: กุมภาพันธ์ 2024
- เสร็จสมบูรณ์และจัดพิธีเปิด: พฤศจิกายน 2025
- เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์: ธันวาคม 2025
- ผลลัพธ์หลัก: เพิ่มกำลังการผลิต BT Laminate เป็น สองเท่า
ความหมายต่ออุตสาหกรรมกึ่งตัวนำ
การลงทุนครั้งนี้สะท้อนการปรับตัวของซัพพลายเชนกึ่งตัวนำโลกในยุคที่ความต้องการชิป AI และการประมวลผลขั้นสูงเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า การขยายกำลังผลิตในไทยจะช่วยให้ Mitsubishi Gas Chemical รักษาความได้เปรียบในตลาดวัสดุกึ่งตัวนำ และยกระดับบทบาทของประเทศไทยในห่วงโซ่อุปทานชิประดับสากล