
ภาพรวมของบริษัท Marubeni
Marubeni Corporation เป็นหนึ่งในกลุ่ม “5 พ่อค้าธัญญาหาร” ของญี่ปุ่น (Five Major Trading Companies) ก่อตั้งในปี 1949 มีเงินทุน 263.7 พันล้านเยน และมีบริษัทร่วม/บริษัทย่อยรวมกว่า 498 แห่งทั่วโลก ปัจจุบันดำเนินธุรกิจครอบคลุมหลายสาขา ได้แก่ ไลฟ์สไตล์ เคมีภัณฑ์ พลังงาน โลหะ เครื่องจักร โครงสร้างพื้นฐาน และโซลูชันดิจิทัล
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Marubeni ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่กลุ่ม “Health & Wellness / Beauty & Personal Care” มากขึ้น โดยมองว่าเป็นตลาดผู้บริโภคที่เติบโตเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Marubeni เดินหน้าลงทุนเพิ่มใน Karmarts ของไทย
Marubeni ได้ประกาศแผนเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมใน Karmarts Public Company Limited ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องสำอางรายใหญ่ของไทย ผ่านกระบวนการ Partial Tender Offer (PTO) ซึ่งจะเปิดในเดือนกุมภาพันธ์ 2026
ปัจจุบัน Marubeni ถือหุ้น 18% ใน Karmarts และตั้งเป้าซื้อเพิ่มอีกสูงสุด 10% คิดเป็นมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 12.5 พันล้านบาท (ประมาณ 60 พันล้านเยน) โดย PTO จะประสบความสำเร็จเมื่อมีผู้ถือหุ้นเสนอขายมากกว่า 4–5% ขึ้นไป
การลงทุนครั้งนี้ดำเนินการผ่านบริษัทลูกในไทยคือ Wellsiam Company Limited ซึ่ง Marubeni ถือหุ้น 100%
เหตุผลเบื้องหลังการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น
Marubeni เริ่มถือหุ้นใน Karmarts เมื่อเดือนตุลาคม 2023 พร้อมทั้งร่วมมือในด้านการตลาด การขยายช่องทางจำหน่าย และการพัฒนาความร่วมมือในต่างประเทศ
Karmarts มีจุดแข็งด้านแบรนด์ที่โดดเด่น โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่นและ Gen Z มีเครือข่ายร้านค้า ร้านขายยา และช่องทางอีคอมเมิร์ซที่แข็งแกร่งในไทย
นอกจากนี้ Karmarts ยังได้ขยายการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เช่น การเข้าถือหุ้นใน 4U2 CO Co., Ltd. ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่วัยรุ่นไทย ยิ่งทำให้ความร่วมมือกับ Marubeni มีความหมายมากขึ้นในเชิงขยายพอร์ตธุรกิจ
กลยุทธ์หลังการเข้าลงทุนเพิ่มเติม
หากการทำ PTO ครั้งนี้สำเร็จ Marubeni วางแผนจะเร่งความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในหลายด้าน ได้แก่
- การขยายช่องทางจำหน่ายสู่ประเทศอาเซียนอื่นๆ
- การใช้เครือข่ายโลจิสติกส์และการค้าระดับโลกของ Marubeni เพื่อสนับสนุนการเติบโตของ Karmarts
- การร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และกลยุทธ์การตลาด
- การสร้างโอกาสธุรกิจใหม่ เช่น ตลาดสุขภาพและเวชสำอาง รวมถึงการเติบโตผ่านอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน
การผสมผสานระหว่าง “จุดแข็งด้านแบรนด์ท้องถิ่นของ Karmarts” กับ “ความสามารถด้านซัพพลายเชนระดับโลกของ Marubeni” ถูกมองว่าเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าบริษัทในระยะกลางและระยะยาว
บริบทของตลาดเครื่องสำอางไทยและอาเซียน
ไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตเครื่องสำอางที่สำคัญของอาเซียน มีทั้งโรงงานผลิต OEM/ODM จำนวนมาก และมีฐานผู้บริโภควัยรุ่นที่มีอัตราการบริโภคสินค้าความงามสูง ทำให้ตลาดมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
ในภาพรวม ตลาดเครื่องสำอางอาเซียนคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 5–7% ต่อเนื่องในช่วง 2025–2030 โดยได้รับแรงหนุนจากประชากรวัยทำงานขนาดใหญ่ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาสนใจสุขภาพและความงามมากขึ้น
สำหรับ Marubeni ตลาดอาเซียนจึงถูกจัดว่าเป็น “ตลาดผู้บริโภคที่มีศักยภาพสูง” ที่สามารถสร้างการเติบโตใหม่ทดแทนกลุ่มธุรกิจดั้งเดิมอย่างพลังงานหรือทรัพยากรธรรมชาติ
บทสรุป: การปรับบทบาทของ Marubeni จากพ่อค้าทรัพยากรสู่ธุรกิจไลฟ์สไตล์
การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Karmarts ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ของ Marubeni ที่ต้องการสร้างพอร์ตธุรกิจที่สมดุลมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดผู้บริโภคที่เติบโตเร็วกว่าอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม
หากการทำ PTO ประสบความสำเร็จ ความร่วมมือระหว่างบริษัททั้งสองจะลึกซึ้งยิ่งขึ้น และอาจกลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาแบรนด์ท้องถิ่นในอาเซียนสู่ระดับภูมิภาคภายใต้ความร่วมมือกับบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่
Marubeni ระบุว่า ความสำเร็จของดีลนี้ขึ้นอยู่กับ “เงื่อนไขและขั้นตอนตามกฎหมาย และผลตอบรับจากผู้ถือหุ้น” แต่ภาพรวมสะท้อนทิศทางใหม่ที่ชัดเจนของบริษัทในการรุกตลาดความงามและไลฟ์สไตล์ระดับภูมิภาค